เป็นนักเก็งกำไรสาย Scalping ได้อย่างไร ?

รองศาสตราจารย์ ดร.กัลยานี ภาคอัต

           กลยุทธ์การซื้อขายภายในวันหรือเดย์เทรด (Day Trade) เป็นการซื้อขายที่อาศัยการเคลื่อนไหวของราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงราคาเล็กน้อย หรือการซื้อขายในเซสชั่น (Trading Session) ของสินทรัพย์อ้างอิงประเภทนั้น โดยมีหนึ่งกลยุทธ์ที่นักเก็งกำไรนิยมนำมาใช้คือ กลยุทธ์ Scalping เป็นการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาศัยการทำกำไรจากส่วนต่างราคาเพียงเล็กน้อย โดยจะทำการซื้อขายที่มีความถี่สูงหรือจำนวนครั้งมากในแต่ละช่วงราคา  ดังนั้น เนื้อหาในบทความนี้จะนำเสนอกลยุทธ์ Scalping

           แนวคิดของกลยุทธ์ Scalping เป็นการเก็งกำไรโดยอาศัยการเคลื่อนไหวของราคาที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย  กลยุทธ์นี้มักถูกนำมาใช้ในกลุ่มของนักเก็งกำไรฟอร์เร็กซ์ (Forex) เป็นการเก็งกำไรสกุลเงินตราต่างประเทศในลักษณะคู่สกุลเงิน (การซื้อขายสองสกุลเงินพร้อมกัน) นักเก็งกำไรจะสร้างกำไรในลักษณะสะสมที่ละเล็กที่ละน้อยจากการเข้าและออก (เปิดสถานะสัญญา/ปิดสถานะสัญญา) ในช่วงเวลาที่สั้นมากๆ และการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีความถี่หรือจำนวนหลายๆ ครั้ง

           รูปแบบของกลยุทธ์ Scalping นักเก็งกำไรจะจ้องมองหน้าจออย่างใกล้ชิดตลอดเวลา โดยมีกรอบช่วงเวลาการซื้อขายที่สั้น จึงจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือชี้วัด (Indicator) ของกราฟราย 1 นาที 5 นาที หรือ 15 นาที เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดจุดเข้าและออก ซึ่งจะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำกำไรแต่ละช่วงราคาที่เปลี่ยนแปลงไป  โดยทั่วไปนักเก็งกำไรที่ใช้กลยุทธ์นี้จะอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ออสซิลเลเตอร์ (Oscillators) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคหรือโมเมนตัม (Momentum) และแนวรับ/แนวต้าน เป็นต้น

           คุณสมบัติของนักเก็งกำไรแบบ Scalping จะต้องเป็นบุคคลที่มีความกระตือรือร้นที่สูงมาก และมีไหวพริบที่สามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณระบุจุดเข้าและออก และจะต้องเป็นนักวางแผนในการซื้อขายแต่ละช่วงราคา ด้วยการส่งคำสั่งที่มีความถี่หรือจำนวนครั้งที่มาก ซึ่งจะทำให้ได้กำไรในแต่ละช่วงไม่มากนัก แต่ได้รับกำไรในลักษณะสะสมอย่างต่อเนื่อง

            การกำหนดสินทรัพย์ทางการเงินที่จะเลือกลงทุน นักเก็งกำไรแบบ Scalping จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลตลาด และใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วยในการตัดสินใจเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมและมีสภาพคล่องสูง ซึ่งจะเชื่อมโยงต่อการกำหนดส่วนต่างของราคา (Spread) และมีผลต่อการตั้งราคาซื้อและราคาขาย (Bid-Ask)  อย่างไรก็ตาม กรณีที่คู่สกุลเงินยิ่งมีสภาพคล่องสูง ย่อมทำให้ส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายมีช่องห่างที่แคบ  ทำให้นักเก็งกำไรสามารถเข้าและออกจากการเทรดโดยมีต้นทุนที่ต่ำ

            บทสรุป ผู้ใดที่สนใจจะนำกลยุทธ์ Scalping มาใช้ในการสร้างกำไรสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินประเภทต่างๆ จะต้องระลึกเสมอว่า การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแต่ละประเภทมีความเสี่ยงไม่เท่ากัน  ดังนั้น จะต้องทำการประเมินความเสี่ยงของตนเองในเบื้องต้นเป็นลำดับแรก และสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคือ การศึกษาหาความรู้ให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงการสั่งสมประสบการณ์การลงทุน  เพื่อก้าวจากนักลงทุนสู่นักเก็งกำไรอย่างมืออาชีพต่อไป