ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนองค์การให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งหลักการกำหนดเป้าหมายขององค์การที่ดีมี 6 ประการ ดังนี้
ประการที่ 1 ความเจาะจง การกำหนดเป้าหมายควรเฉพาะเจาะจงและแสดงให้เห็นว่าจะทำอะไรและผลลัพธ์ที่องค์การต้องการคืออะไร เช่น เป้าหมายขององค์การ คือ “การเพิ่มจำนวนผู้รับบริการภายในปีนี้เป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว” เป้าหมายดังกล่าวมีความเฉพาะเจาะจงทำให้บุคลากรในองค์การสามารถเข้าใจได้ว่าถ้าจะบรรลุเป้าหมายขององค์การควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนผู้รับบริการให้มากกว่าจำนวนผู้รับบริการในปีที่แล้ว 2 เท่า เป็นต้น
ประการที่ 2 การวัดได้ การกำหนดเป้าหมายต้องสามารถวัดผลที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเป็นการวัดเชิงปริมาณหรือการวัดเชิงคุณภาพ เช่น จำนวนครั้งของการบริการตามกำหนดเวลา (การวัดเชิงปริมาณ) และความพึงพอใจของผู้รับบริการ (การวัดเชิงคุณภาพ) ซึ่งทั้งสองเป้าหมายสามารถเก็บข้อมูลและวัดได้ว่าบรรลุเป้าหมายหรือไม่ เพียงใด เป็นต้น
ประการที่ 3 การบรรลุได้ การกำหนดเป้าหมายควรท้าทาย ไม่ควรง่ายเกินไป เป็นเป้าหมายที่องค์กรสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว ในขณะเดียวกันไม่ควรยากเกินไปจนปฏิบัติไม่ได้ ดังนั้น การกำหนดเป้าหมายควรท้าทายแต่บรรลุได้ เช่น โดยปกติองค์การสามารถเพิ่มจำนวนผู้รับบริการได้ร้อยละ 5 ต่อปี ดังนั้น การกำหนดเป้าหมายเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนผู้รับบริการไม่ควรน้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี ถ้าน้อยกว่านี้อาจเป็นเป้าหมายที่ง่ายเกินไป เป็นต้น
ประการที่ 4 ความเห็นพ้องร่วมกัน การกำหนดเป้าหมายควรเป็นสิ่งที่ผู้บริหาร บุคลากรในองค์การ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ เห็นพ้องร่วมกัน เช่น ถ้ากำหนดเป้าหมาย“การเพิ่มจำนวนผู้รับบริการภายในปีนี้เป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว” ผู้บริหารควรหารือกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานว่าสามารถให้บริการในแต่ละวันได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร เนื่องจากถ้าบุคลากรผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถให้บริการในแต่ละวันได้เพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายรวมขององค์การที่กำหนดไว้ได้ และควรแจ้งให้บุคลากรทราบว่าองค์การมีเป้าหมายอย่างไรตั้งแต่ก่อนปฏิบัติงาน เพื่อจะได้ร่วมมือกันปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย เป็นต้น
ประการที่ 5 ความเกี่ยวข้อง การกำหนดเป้าหมายทุกระดับควรมีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การ เช่น ถ้าองค์การมีเป้าหมาย คือ “การเป็นองค์การสมัยใหม่และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัล” หน่วยงานภายในองค์การควรมีเป้าหมายที่แสดงถึงการมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในหน่วยงานด้วย เป็นต้น
ประการที่ 6 กรอบเวลาเหมาะสม การกำหนดเป้าหมายควรกำหนดระยะเวลาเหมาะสมชัดเจน ไม่ควรใช้ระยะเวลาสั้นหรือยาวเกินไป และควรสอดคล้องกับระยะเวลาของแผน เช่น การกำหนดเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้รับบริการภายในปีนี้เป็น 2 เท่าของปีที่ผ่านมา อาจเป็นเป้าหมายที่ต้องการระยะเวลาในการดำเนินการมากกว่า 1 ปี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ระยะเวลาการดำเนินการตามเป้าหมายสั้นเกินไป เป็นต้น
ปัจจุบันองค์การต่างๆนิยมนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการขับเคลื่อนองค์การเพื่อบรรลุเป้าหมาย การทบทวนและปรับปรุงแก้ไขผลการปฏิบัติงาน ตัวอย่างเช่น ห้องประชุมออนไลน์ที่เรียกว่า ‘Cockpit Room’ ซึ่งมีการรายงานผลการปฏิบัติงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และให้ผู้บริหารประชุมร่วมกันเพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ผลการปฏิบัติงานสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ ในห้องดังกล่าวจะนำเสนอกระดานออนไลน์ 4 กระดาน ได้แก่
1) กระดานสีดำ (Black Wall) แสดงผลสัมฤทธิ์เปรียบเทียบกับเป้าหมายขององค์การที่กำหนดไว้ตามกรอบของวัดผลตารางสมดุล (Balanced Scorecard)โดยถ้าเป็นภาคธุรกิจจะแสดงเป็นตัวชี้วัดใน 4 มิติ คือ มิติด้านการเงิน มิติด้านลูกค้า มิติด้านกระบวนการ และมิติด้านการเรียนรู้และการเติบโต ในขณะที่ถ้านำมาใช้กับภาครัฐของไทย จะแสดงผลสัมฤทธิ์เปรียบเทียบกับเป้าหมายขององค์การที่กำหนดไว้เป็นตัวชี้วัดใน 4 มิติ คือ มิติด้านประสิทธิผล มิติด้านคุณภาพการให้บริการ มิติด้านประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการ และมิติการพัฒนาองค์การ ทั้งนี้ กระดานสีดำจะแสดงให้เห็นด้วยว่าขณะนี้ตัวชี้วัดที่สำคัญในมิติต่างๆเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร และปัจจุบันองค์การมีวิกฤติในเรื่องใดบ้างที่ควรแก้ไข
2) กระดานสีน้ำเงิน (Blue Wall) แสดงข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรด้านต่างๆ ที่นำมาใช้ในกระบวนการทำงาน ได้แก่ วัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ บุคลากร ระยะเวลาที่ใช้ในการทำงาน
3) กระดานสีแดง (Red Wall) แสดงผลการดำเนินงานภายนอกที่เกี่ยวกับลูกค้า ตลาด คู่แข่งขัน และข้อมูลสภาพแวดล้อมด้านต่างๆ โดยแสดงให้เห็นถึงปัจจัยวิกฤติที่สำคัญ (Critical Success Factors) ว่าองค์การเอาชนะต่ออุปสรรคในปัจจัยสำคัญอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่องค์การได้กำหนดไว้
4) กระดานสีขาว (White Wall) แสดงการตัดสินใจที่สำคัญที่ควรดำเนินการตัดสินใจทันที โดยแสดงในรูปของโครงการและกิจกรรมที่ควรทำ ดังตัวอย่างห้องประชุมออนไลน์ของกรมสุขภาพจิตที่เรียกว่า “ห้องปฏิบัติการทางการจัดการสารสนเทศ (Management Cockpit )”
ดังนั้น ในเบื้องต้น องค์การควรดำเนินการ ดังนี้
1) การสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาระบบเครือข่ายให้สามารถสื่อสารภายในหรือภายนอกองค์การได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เป็นต้น
2) การพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความปลอดภัย ใช้งานได้ง่าย สอดคล้องกับโครงสร้างหรือกระบวนการทำงานขององค์การ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาในองค์การได้ รวมทั้งมีความทันสมัย
3) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ควรคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบที่มีต่อองค์การและบุคลากร เพื่อให้การประยุกต์ใช้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดโอกาสเกิดปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี
4) การวางแผนหรือการกำหนดกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ที่ชัดเจนบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของผู้บริหาร บุคลากรด้านเทคโนโลยี และบุคลากรในองค์การ เพื่อให้การนำมาใช้อย่างมีทิศทางที่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
5) การพัฒนาหน่วยงานเทคโนโลยี เนื่องจากหน่วยงานเทคโนโลยีในองค์การมีบทบาทสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ และการประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การ จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรและหน่วยงานด้านเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง ดังนั้น หน่วยงานด้านเทคโนโลยีในองค์การควรดำเนินการในเรื่องต่อไปนี้
(1) พัฒนาบุคลากรในหน่วยงานให้มีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ถ้าองค์การใดมีบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจะทำให้ลดปัญหาด้านเทคนิครวมถึงความเสี่ยงต่างๆอันเกิดจากการนำมาประยุกต์ใช้ได้
(2) สนับสนุนการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของบุคลากรในองค์การ เช่น การจัดฝึกอบรมและการจัดเวทีสัมมนาเพื่อให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความรู้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการให้คำปรึกษาแนะนำแก่บุคลากรในองค์การผ่านช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
(3) เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ การเป็นหน่วยงานนำร่องในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในขับเคลื่อนหน่วยงานให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อจะได้ทราบผลการประยุกต์ใช้ทั้งข้อดีและข้อจำกัด และวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อนำมาใช้ทั่วทั้งองค์การ
(4) การเตรียมความพร้อมด้านจำนวนบุคลากรเทคโนโลยีให้มีเพียงพอ สอดคล้องกับความต้องการขององค์การโดยสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานแก่บุคลากรดังกล่าวเพื่อป้องกันภาวะสมองไหลด้วย