ความแตกต่างระหว่าง ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 16 ได้ให้ความหมายของคำว่า “ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์” (Property, Plant and Equipment: PPE) ไว้ดังนี้

            ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ หมายถึง สินทรัพย์ที่มีตัวตนซึ่งเข้าเงื่อนไขทุกข้อต่อไปนี้

            1) มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิต ในการจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการ เพื่อให้เช่า หรือเพื่อใช้ในการบริหารงาน และ

            2) คาดว่าจะใช้ประโยชน์มากกว่าหนึ่งรอบระยะเวลา

            จากความหมายของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ดังกล่าวข้างต้นสามารถสรุปลักษณะสำคัญของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ได้ดังนี้

          1. มีตัวตนหรือจับต้องได้ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์เป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตนโดยมองเห็นได้ จับต้องได้ ซึ่งแตกต่างจากสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน เช่น ลิขสิทธิ์ สัมปทาน สิทธิบัตร เป็นต้น ซึ่งมองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้

          2. มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานโดยไม่มีเจตนาที่จะขายต่อ  สินทรัพย์ที่จัดว่าเป็นที่ดิน อาคารและอุปกรณ์จะต้องเป็นสินทรัพย์ที่กิจการจัดหามาเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานของกิจการ เช่น ใช้ในการผลิตสินค้า จำหน่ายสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้า มีไว้เพื่อให้เช่า หรือใช้ในการบริหารงานทั่วไปของกิจการ หากสินทรัพย์ชิ้นใดไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินงาน เช่น อาคารที่ว่างเปล่าไม่ได้นำมาใช้งาน ที่ดินที่ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไร สินทรัพย์ดังกล่าวนี้จะไม่จัดอยู่ในรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ โดยต้องแสดงไว้ภายใต้รายการ “อสังหาริมทรัพยเพื่อการลงทุน”

มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 40 เรื่องอสังหาริมทรัพยเพื่อการลงทุนได้ให้ความหมายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนไว้ดังนี้

        อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) หมายถึง อสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน หรืออาคาร หรือส่วนของอาคาร (ส่วนควบอาคาร) หรือทั้งที่ดินและอาคาร) ที่ถือครอง (โดยเจ้าของหรือโดยผู้เช่าภายใต้สัญญาเช่าการเงิน)  เพื่อหาประโยชน์จากรายได้ค่าเช่า หรือจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าของสินทรัพย์  หรือทั้งสองอย่าง  ทั้งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อ

            1) ใช้ในการผลิตหรือจัดหาสินค้าหรือให้บริการ หรือใช้ในการบริหารงานของกิจการ หรือ

            2) ขายตามลักษณะการประกอบธุรกิจตามปกติ

สรุปความแตกต่างระหว่าง ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมีประเด็นดังนี้

1.การรับรู้รายการ

PPE จะรับรู้รายการเริ่มแรกด้วยราคาทุน และจะรับรู้รายการในภายหลังด้วย ราคาทุนหักค่าเสื่อมราคาสะสม สำหรับ IP จะรับรู้รายการเริ่มแรกด้วยราคาทุน สำหรับการรับรู้รายการในภายหลัง เช่น วัดมูลค่าด้วยราคาทุนหลังค่าเสื่อมราคาสะสม วัดมูลค่าด้วยราคายุติธรรม เป็นต้ต

2.ความถี่ในการตีราคา

PPE จะตีราคาอย่างสม่ำเสมอ เช่น 3-5 ปี แต่ IP จะตีราคาทุก ปี

3.การคิดค่าเสื่อมราคาPPE จะคิดค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าที่ตีราคาใหม่ สำหรับ IP จะไม่คิดค่าเสื่อมราคา

เป็นต้น

ที่มา เอกสารการสอนชุดวิชา 32207 การบัญชีขั้นกลาง 1 และระบบสารสนเทศทางการบัญชี มสธ