ปัญหาอุปสรรคในการบริการสาธารณะสำหรับพลเมืองผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ในภาพรวมทั้ง 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านรายได้ 2) ด้านที่พักอาศัย 3) ด้านนันทนาการ 4) ด้านความมั่นคงทางสังคม ครอบครัว ผู้ดูแล และการคุ้มครอง และ 5) ด้านการสร้างบริการทางสังคม และเครือข่ายการเกื้อหนุน พบว่า ปัญหาอุปสรรคในการบริการสาธารณะสำหรับพลเมืองผู้สูงอายุที่สำคัญ ได้แก่ ทรัพยากรมีไม่เพียงพอในการให้บริการ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้การบริการสาธารณะขาดความต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวคิดของ Lucy et al. (1977, pp.687-697) ที่อธิบายไว้ว่า การบริการสาธารณะ มี 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ (1) ปัจจัยนำเข้า ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร ค่าใช้จ่ายวัสดุอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ (2) กระบวนการหรือกิจกรรม ซึ่งเป็นวิธีการในการใช้ทรัพยากร (3) ผลสัมฤทธิ์หรือผลผลิต คือ ผลที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้ทรัพยากรเหล่านั้น และ (4) ความคิดเห็นต่อผลกระทบ กล่าวคือ ความคิดเห็นและความพึงพอใจของประชาชนเมื่อได้ใช้บริการที่รัฐจัดสรรให้ ซึ่งในการบริการสาธารณะด้านสุขภาพควรให้ความสำคัญกับระเบียบ ข้อบังคับ งบประมาณ บุคลากร สถานที่ และทรัพยากรอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและเพียงพอ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินงานและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้
แนวทางในการพัฒนาการบริการสาธารณะสำหรับพลเมืองผู้สูงอายุในพื้นที่เทศบาลเมืองในเขตจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ที่สำคัญ ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรจัดทำแผนการบริการสาธารณะที่สอดคล้องและเหมาะสมกับช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้การบริการสาธารณะในด้านดังกล่าวมีความต่อเนื่อง เช่น การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นของเทศบาลเมืองแต่ละแห่ง ควรเปิดโอกาสและสนับสนุนให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนดังกล่าว นับตั้งแต่ 1) การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มีการจัดประชุมประชาคมเพื่อจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น ให้ผู้สูงอายุได้ร่วมตัดสินใจ คัดเลือก ปรับปรุงโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะบรรจุเข้าแผนพัฒนาท้องถิ่น 2) การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ โดยให้ผู้สูงอายุและภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมที่เทศบาลเมืองจัดขึ้น สามารถแสดงความคิดเห็น ให้คำแนะนำ หรือทักท้วงต่อการดำเนินนั้น ๆ ได้ 3) การมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ โดยผู้สูงอายุในพื้นที่ต้องได้รับผลประโยชน์จากโครงการหรือกิจกรรมตามแผนพัฒนาท้องถิ่น และผลประโยชน์นั้นต้องสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้สูงอายุ รวมถึงสัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นข้อเสนอของผู้สูงอายุในขั้นการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย และ 4) การมีส่วนร่วมในการประเมินผล โดยผู้สูงอายุและภาคส่วนต่าง ๆ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและติดตามผลลัพธ์ที่ได้จากกิจกรรมหรือโครงการตามแผนพัฒนาท้องถิ่นที่เทศบาลเมืองดำเนินการว่ามีความคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไปหรือไม่ รวมถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน
นอกจากนั้น ควรจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำเนินงานให้ครบทุกด้าน ควรจัดตั้งศูนย์บริการสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้บริการแบบครบวงจร และควรจัดทำแผนการบริการสาธารณะที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ (Varmar, 1972, pp.20) ที่อธิบายไว้ว่า หน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่ให้บริการสาธารณะต้องใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมตามที่ได้วางแผนไว้ จึงจะสามารถทำให้เกิดระบบการให้บริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งสามารถตรวจสอบการดำเนินงานดังกล่าวด้วยการประเมินผล เพื่อนำไปเป็นข้อมูลป้อนกลับ (feedback) ในการพัฒนาปรับปรุงนโยบายสาธารณะต่อไป และสอดคล้องกับงานวิจัยของ Chantiwat Kitsawat and Somboon Sirisunhirun (2018) ทำการวิจัยเรื่อง ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทางด้านการบริหาร ได้แก่ กระบวนการบริหาร วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนทุกด้าน
ที่มา: ชมภูนุช หุ่นนาค และปภาวดี มนตรีวัต. (2565). การบริการสาธารณะสำหรับพลเมืองผู้สูงอายุในพื้นที่เทศบาลเมืองในเขตจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1. วารสารผู้ตรวจการแผ่นดิน. 15(1) (มกราคม-มิถุนายน 2565), 35-75.
https://ombstudies.ombudsman.go.th/ewt_news.php?nid=1935