ตัวอย่างเมืองแห่งการเรียนรู้ที่น่าสนใจ

(1) เดรสเดน ประเทศเยอรมนี (Dresden, Germany) โดยเดรสเดนเป็นเมืองหลวงของรัฐแซกโซนีในประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเอลเบอ มีจำนวนประชากรของเมือง 572,240 คน ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2024 ซึ่งเมืองได้กำหนดวิสัยทัศน์ ของการพัฒนาเมืองแบ่งออกเป็นในระยะกลาง เมืองเดรสเดนมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงการศึกษาสำหรับกลุ่มที่หลากหลาย โดยขจัดอุปสรรคและส่งเสริมการเรียนรู้ ทั้งนี้เมืองมีแผนบูรณาการการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เข้ากับชีวิตประจำวัน โดยเสนอช่องทางการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและสนับสนุนการศึกษาของเยาวชน ในระยะยาว เมืองเดรสเดนมุ่งมันเสริมสร้างพื้นที่การเรียนรู้นอกระบบ เช่น ศูนย์ชุมชน โดยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน การปกป้องสิ่งแวดล้อม และสุขภาพผ่านการริเริ่มทางการศึกษา และพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ที่ส่งเสริมความครอบคลุมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนการพัฒนาตนเอง ให้คุณค่ากับพื้นที่การเรียนรู้นอกระบบ และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

สำหรับนโยบาย แผน และการดำเนินการ ด้วยการพัฒนาเมืองให้เกิดความยั่งยืนและสุขภาพ โดยการบูรณาการด้านสุขภาพให้เข้ากับกลยุทธ์ ซึ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีด้วยการจัดสรรพื้นที่สีเขียว ส่งเสริมความยั่งยืนในภาควัฒนธรรมและสนับสนุนแนวทางปฏิบัติอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้ประชาชนยอมรับความยั่งยืน ในด้านความเท่าเทียมและการเข้าร่วมโดยการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและการเข้าร่วมในทุกช่วงของอายุผ่าน โครงการดูแลเด็ก สวัสดิการเยาวชน และการช่วยเหลือผู้สูงอายุทำให้การศึกษาสามารถเข้าถึงได้ แผนการพัฒนาวัฒนธรรมของเมืองส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วม เสริมสร้างความสามัคคี และปฏิบัติตามแผน เช่น อนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของผู้พิการ (UNCRPD) ทำให้ความมุ่งมั่นของเดรสเดนต่อความเท่าเทียมและการรวมกลุ่มมั่นคงยิ่งขึ้น และในการส่งเสริมการทำงานที่มีคุณค่าและการเป็นเจ้าของธุรกิจ ด้วยสำนักงานพัฒนาทางเศรษฐกิจ มีบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการสนับสนุนให้ธุรกิจสตาร์ตอัพ และส่วนของภาคสร้างสรรค์เมืองทำหน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่เป็นธรรม ปรับการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพิ่มโอกาสการจ้างงาน และส่งเสริมหลักการทำงานที่สมควร ตัวอย่างโครงการเช่น โครงการ Powerful Reader[1] เป็นการเชื่อมโยงอาสาสมัครผู้สอนการอ่านกับโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมในเมือง โดยอาสาสมัครเสนอกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ และทางเลือกในการแบ่งปันความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการรู้หนังสือด้านสื่อ เน้นการแก้ไขปัญหาการอ่านผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรหลายฝ่าย หรือโครงการ WHO Healthy Cities ซึ่งส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในเมือง รวมถึงการศึกษา การเข้าถึงบริการสุขภาพ ความยั่งยืน และความเท่าเทียมทางสังคม ด้วยการบูรณาการด้านสุขภาพเข้ากับนโยบายเมือง ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ และเชื่อมโยงการเรียนรู้ตลอดชีวิตกับความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน[2]

(2) แมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักรแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (Manchester, United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) เป็นเมืองที่มีประชากรสูงกว่าครึ่งล้านคน ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ[3] ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ มีประชากรของเมือง 587,500 คน ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2024 ซึ่งเมืองได้กำหนดวิสัยทัศน์ โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดในประเทศในด้านการศึกษาและทักษะ สำหรับผู้ใหญ่ในปี ค.ศ. 2025 กำหนดวิสัยทัศน์การเรียนรู้ตลอดชีวิตในหลายระดับดังนี้ ในระยะสั้น เน้นการปรับตัวด้านการศึกษากับความต้องการทางเศรษฐกิจด้วยแผนพัฒนาทักษะในท้องถิ่น (Local Skills Improvement Plan) ผ่านความร่วมมือจากหลาย ๆ หน่วยงาน เพิ่มการกระจายอำนาจ และกิจกรรมการมีส่วนร่วมของชุมชน สำหรับความก้าวหน้าในระยะยาวดำเนินการสนับสนุนการฝึกทักษะสำหรับผู้ใหญ่ให้เพิ่มขึ้น ส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคมผ่านหลักการ Making Manchester Fairer และการร่วมลงทุนในกลยุทธ์การเรียนรู้ทั้งเมือง

สำหรับนโยบาย แผน และการดำเนินการ ในด้านความยั่งยืนและสุขภาพกำหนดแผนปฏิบัติการ Making Manchester Fairer ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลต่อสุขภาพ โดยกำหนดหลักสูตรการจัดการโรคเรื้อรังสามารถเข้าถึงผ่านแนวทางการสั่งจ่ายบริการทางสังคมที่สถานพยาบาลในท้องถิ่น รวมทั้งอีกหลาย ๆ โครงการ เช่น GM Working Well และ Individual Placement Support การดูแลระดับปฐมภูมิกำหนดเป้าหมายไปที่การจ้างงานสำหรับผู้ที่มีสภาวะสุขภาพหรือความพิการ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจและจิตใจ ในด้านความเท่าเทียมและการเข้าร่วม กำหนดแผนการมีส่วนร่วมกับชุมชนชาติพันธุ์จำนวน 90 แห่งเพื่อจัดการกับการเลือกปฏิบัติและปรับปรุงการจ้างงาน และการให้บริการการศึกษา เช่น การให้บริการศึกษาผู้ใหญ่แมนเชสเตอร์และมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ สร้างโอกาสในการเข้าถึงโดยปราศจากอุปสรรคและโครงการที่มุ่งแก้ไขความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติและการเข้าถึงการศึกษาระดับสูงที่ยังขาดอยู่ และในการส่งเสริมการทำงานที่มีคุณค่าและการเป็นเจ้าของธุรกิจ กำหนดให้ร้อยละ 76.5 ของเจ้าของธุรกิจในท้องถิ่นในแมนเชสเตอร์จ่ายค่าจ้างที่เหมาะสมให้กับพนักงาน และเมืองรับรองธุรกิจได้ถึง 225 แห่งภายใต้โครงการ Good Employment Charter จนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างโครงการเช่น พัฒนาเขตนวัตกรรม และ Digital Security Hub มุ่งมั่นและส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการ ขณะที่โครงการ เช่น Start Smart และ Enterprising You ช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเริ่มธุรกิจและการทำงานอิสระ

(3) เมืองโฮจิมินห์, ประเทศเวียดนาม (Ho Chi Minh City, Viet Nam) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม[4] และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ มีประชากรของเมือง 9,320,866 คน ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2024 ซึ่งเมืองได้กำหนดวิสัยทัศน์ในระยะเริ่มต้นกำหนดการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มุ่งหวังในการสร้างสภาพแวดล้อมการศึกษาให้มีความครอบคลุมในแต่ละด้านและทันสมัยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ในระยะกลาง เมืองตั้งเป้าที่จะสร้างความสามารถในการอ่านและทักษะพื้นฐานสำหรับประชาชนมีการส่งเสริมการเรียนรู้ดิจิทัล และรักษารูปแบบของการเรียนให้มีประสิทธิภาพในชุมชนไว้ ในระยะยาว กำหนดเป้าหมาย รวมถึงการเข้าถึงระบบการศึกษาที่หลากหลายอย่างเท่าเทียมกันและสามารถยืดหยุ่นได้ และส่งเสริมการเป็นพลเมืองที่เรียนรู้ในโลกดิจิทัลและระดับโลก ภายใต้กรอบการทำงานของ UNESCO GNLC โดยเน้นการสร้างการรับรู้ในระดับนานาชาติ การระดมทรัพยากรเพื่อส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความรู้ในระดับโลก

สำหรับนโยบาย แผน และการดำเนินการ ในด้านความยั่งยืนและสุขภาพมีการออกนโยบายและแผนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่สนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยมุ่งหวังที่จะให้การศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ชีวิตและสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งการเรียนรู้เหล่านี้จะช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับการป้องกันสุขภาพและการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน เมืองยังมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัย การวางผังเมือง การขนส่ง บริการสาธารณสุข ความปลอดภัยด้านอาหาร และการเข้าถึงน้ำสะอาดสำหรับประชาชน ในด้านความเท่าเทียมและการเข้าร่วมดำเนินนโยบายที่ให้การสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กก่อนวัยเรียน นักเรียน และนักศึกษชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล มีการให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในภาคการศึกษาและการสนับสนุนด้านทุนการศึกษาพร้อมทั้งจัดตั้งหน่วยการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความพิการจำนวน 33 แห่ง เพื่อเป็นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่หลากหลายอย่างเท่าเทียมกัน และในการส่งเสริมการทำงานที่มีคุณค่าและการเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นการสร้างงานที่ยั่งยืนและส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ มีการกำหนดแผนที่จะลงทุนในภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ด้อยโอกาส ตัวอย่างโครงการเพื่อกระตุ้นการเป็นผู้ประกอบการในหมู่นักเรียน จัดเตรียมทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการสร้างงานหลังจากสำเร็จการศึกษา เช่น โครงการสร้างสังคมการเรียนรู้ ค.ศ. 2021–2030 กำหนดแนวคิดเกี่ยวกับสังคมการเรียนรู้ภายในปี ค.ศ. 2030 รองรับการเข้าถึงที่เท่าเทียมกันในระบบการศึกษาที่สามารถยืดหยุ่นได้ สร้างความเชื่อมโยง และทันสมัย เป้าหมายของโครงการ คือการเสนอรูปแบบ วิธีการ และการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างครบวงจร หรือโครงการศึกษาอัจฉริยะและการเรียนรู้ตลอดชีวิต กำหนดเป้าหมายในการสร้างทรัพยากรมนุษย์สำหรับเมืองที่มีความทันสมัย อัจฉริยะ และสามารถเชื่อมต่อกับระดับสากลระหว่างปี ค.ศ. 2021 ถึง ค.ศ. 2030 รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการศึกษาของประชาชน เป็นต้น


[1] Städtische Bibliotheken Dresden Sachgebiet Kulturelle Bildung und Integration, Lesepatenschaft, เข้าถึงจากเว็บไซต์ https://www.bibo-dresden.de/de/ueber-uns/buergerschaftliches-engagement/lesepatenschaften.php

[2] Dresden, WHO-Projekt Gesunde Städte, เข้าถึงจากเว็บไซต์ https://www.dresden.de/de/leben/gesundheit/gesundheitsfoerderung/who-projekt.php?pk_campaign=Shortcut&pk_kwd=Who

[3] Planning and regeneration, Manchester City Council, เข้าถึงจากเว็บไซต์ https://www.manchester.gov.uk/info/500113/city_centre_growth_and_infrastructure/7691/the_factory_-_a_new_creative_space_for_the_city_centre

[4] UNESCO Global Network of Learning cities, Ho Chi Minh City, Viet Nam, เข้าถึงจากเว็บไซต์ https://www.uil.unesco.org/en/learning-cities/ho-chi-minh-city