เข็มทิศสำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้

รองศาสตราจารย์ ดร.กัลยานี ภาคอัต

การวิเคราะห์การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นนักลงทุนหลายๆ รายอาจนำดัชนี SET Index มาช่วยเป็นเครื่องมือสำหรับสะท้อนถึงภาพรวมของการลงทุนใตลาดหลักทรัพย์ไทย  แต่ถ้าต้องการลงทุนในตลาดตราสารหนี้  นักลงทุนจะนำเครื่องมืออะไรมาช่วยสะท้อนภาพรวมของตลาดตราสารหนี้  บทความนี้จะนำเสนอเครื่องมือที่จะสะท้อนให้เห็นภาพรวมของการลงทุนในตลาดตราสารหนี้  โดยเฉพาะนักลงทุนที่สนใจหรือกำลังมองช่องทางในการลงทุนในตลาดตราสารหนี้จะสามารถทราบทิศทางการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น

ในตลาดหุ้นจะมีเครื่องมือที่สะท้อนภาพรวมของตลาดคือ SET Index  ขณะเดียวกันการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ก็มีดัชนีตราสารหนี้ (Bond Index) เช่นกันที่ใช้ป็นเครื่องมือสะท้อนภาพรวมของตลาดตราสารหนี้  Bond Index เปรียบเป็นเข็มทิศของนักเดินทางที่สำคัญอย่างยิ่ง  และแน่นอนที่สุดนักวิเคราะห์หรือนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญจะใช้ดัชนีดังกล่าวมาช่วยในการวิเคราะห์ถึงแนวโน้ม และการคัดเลือกตราสารหนี้จะที่ลงทุนได้อย่างเหมาะสม

ดัชนีตราสารหนี้ (Bond Index) เป็นเครื่องมือติดตามการเคลื่อนไหวหรือทิศทางแนวโน้มของตลาดตราสารหนี้โดยรวม  นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงทิศทางของอัตราดอกเบี้ยตลาดในแต่ละช่วงเวลาว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด  ถ้าหากได้ศึกษาถึงทฤษฎีแล้วราคาตราสารหนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ผกผันกับอัตราดอกเบี้ย กล่าวคือ เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงจะทำให้ราคาตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้น  หากมองทิศทางตรงกันข้ามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาตราสารหนี้ลดลง ส่งผลให้ดัชนีตราสารหนี้ปรับตัวลดลง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เรียกกว่า ความผันผวนของดัชนีตราสารหนี้  นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้ดัชนีตราสารหนี้เกิดความผันผวนได้ เช่น นโยบายการเงิน ภาวะเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของตราสารหนี้ เป็นต้น จึงกล่าวได้ว่าดัชนีตราสารหนี้ให้ประโยชน์ต่อนักลงทุนหลายด้าน คือ 1) เป็นเครื่องมือที่ใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของตราสารหนี้ รวมทั้งยังช่วยนักลงทุนติดตามภาพรวมของตลาด  2) ใช้เป็นมาตรฐานการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้ และช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุน  และ 3) เป็นเครื่องมืออ้างอิงสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น เช่น สัญญาฟิวเจอร์ส ออปชัน และ ETF (Exchange Traded Fund) เป็นต้น  จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าดัชนีตราสารหนี้ให้ประโยชน์ต่อนักลงทุนที่จะนำไปใช้อย่างเหมาะสมมากน้อยเพียงใด