You are currently viewing AI Competence Framework for Executives

AI Competence Framework for Executives

ความท้าทายและความสำคัญของ AI Skills Framework สำหรับผู้บริหารยุคดิจิทัล

การพัฒนาทักษะ AI สำหรับผู้บริหารในปัจจุบัน เป็นประเด็นท้าทายในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน หน่วยงานชื่อ SFIA (Skills Framework for the Information Age) ได้ระบุไว้ว่า เทคโนโลยี AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การสร้างกรอบทักษะที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับทุกหน่วยงาน (SFIA Foundation, 2024)

ความท้าทายหลักในการกำหนด AI Skills

SFIA ได้ระบุความท้าทายสำคัญ 6 ประการที่ผู้บริหารต้องตระหนักในปัจจุบัน ได้แก่

  1. Pace of Change: เทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้กรอบแนวคิดเกี่ยวกับทักษะต้องเน้นการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ
  2. Breadth and Depth: ความท้าทายในการสร้างกรอบทักษะ (skills framework) ที่ครอบคลุมหลากหลาย (breadth) โดยไม่ลึกเกินไปในรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง (depth)
  3. Integration: การผสานทักษะ AI เข้ากับทักษะวิชาชีพที่มีอยู่แล้วแบบไร้รอยต่อ
  4. Industry Variation: แต่ละอุตสาหกรรมควรนำ AI มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
  5. Ethical Considerations: ประเด็นจริยธรรมและกฎหมายที่มีผลกระทบสูง
  6. User Needs: การออกแบบกรอบทักษะหรือเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบัน และมีความยืดหยุ่นรองรับอนาคต (สามารถปรับปรุงหรือเพิ่มเติมได้เมื่อเทคโนโลยีและทักษะใหม่ ๆ เกิดขึ้น)

แนวทาง SFIA สำหรับ AI Skills

SFIA เสนอแนวทางที่มุ่งเน้น “enduring professional capabilities” ที่สามารถปรับตัวได้กับ AI platform หรือเครื่องมือต่างๆ (Brynjolfsson & McAfee, 2017) แทนที่จะกำหนดเฉพาะเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง วิธีการนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถ 1) พัฒนา AI capabilities ที่ยั่งยืน ที่เติบโตไปพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 2) สนับสนุน workforce mobility ด้วยเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน และ 3) เข้าใจการเชื่อมโยง ระหว่าง AI capabilities กับทักษะวิชาชีพที่มีอยู่

ความสำคัญสำหรับผู้บริหารไทย

การศึกษาของ McKinsey Global Institute (2021) พบว่า 70% ของผู้บริหารระดับสูงขาดความมั่นใจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน AI การมี AI Skills Framework ที่อิงตาม SFIA principles จะช่วยให้ผู้บริหารไทยสามารถ

  • 1. ลดความเสี่ยงในการจัดการคน โดยใช้ structured, expert-curated content AI Skills Framework ที่มีโครงสร้างชัดเจนและผ่านการกลั่นกรองโดยผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานกับ AI ได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาการจัดสรรบุคลากรผิดตำแหน่งหรือขาดสมรรถนะที่จำเป็น ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงด้านทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว
  • 2. สร้าง AI governance ที่แข็งแกร่ง especially สำหรับ high-risk AI applications การใช้กรอบทักษะที่อิง SFIA ทำให้ผู้บริหารสามารถออกแบบโครงสร้างการกำกับดูแล AI ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และกำหนดบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการเงิน สาธารณสุข หรือความมั่นคง ซึ่งต้องอาศัยมาตรฐานและความรับผิดชอบสูงเป็นพิเศษ
  • 3. พัฒนา data quality, transparency, และ bias-mitigation controls การกำหนดทักษะด้าน AI อย่างเป็นระบบช่วยยกระดับคุณภาพข้อมูล การจัดการความโปร่งใส และการควบคุมอคติของอัลกอริทึม ผ่านความเข้าใจในมาตรการด้าน data governance, auditing และ ethical AI ซึ่งเป็นกลไกสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

SFIA เน้นย้ำว่า AI tools ที่ใช้ในการสร้าง job descriptions, คัดกรองผู้สมัครงาน หรือแนะนำการเรียนรู้ อยู่ในหมวด “high-risk category” ตาม AI governance frameworks ผู้บริหารจึงต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเพื่อให้การใช้ AI เป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ

การพัฒนา AI Competence Framework ที่อิงตาม SFIA จึงเป็นมากกว่าการติดตาม trend แต่เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ผู้บริหารไทยสามารถนำองค์กรก้าวสู่อนาคตที่ AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น


References:

Brynjolfsson, E., & McAfee, A. (2017). The business of artificial intelligence. Harvard Business Review, 95(4), 3-11.

McKinsey Global Institute. (2021). The age of AI: Artificial intelligence and the future of work. McKinsey & Company.

SFIA Foundation. (2024). SFIA 9: A framework for AI skills. Retrieved from https://sfia-online.org/en/tools-and-resources/ai-skills-framework