อัตราส่วนสภาพคล่องสำคัญอย่างไร

อัตราส่วนสภาพคล่องเป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญซึ่งสะท้อนความสามารถของบริษัทในการปฏิบัติตามภาระผูกพันระยะสั้นโดยอาศัยสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ข้อมูลจากอัตราส่วนเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีคุณค่าต่อการประเมินสุขภาพทางการเงินของกิจการ แต่ยังมีความหมายในเชิงการตัดสินใจสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งนักลงทุน เจ้าหนี้ และฝ่ายบริหาร เนื่องจากช่วยให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความมั่นคงทางการเงิน และทิศทางในอนาคต ความสำคัญของอัตราส่วนสภาพคล่องจึงครอบคลุมมากกว่าการวิเคราะห์ทางการเงินทั่วไป หากแต่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน การบริหารความเสี่ยง และการกำกับดูแลกิจการในมิติที่กว้างขึ้น

ในแง่ของสุขภาพทางการเงิน อัตราส่วนปัจจุบันและอัตราส่วนที่รวดเร็วถือเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการประเมินความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้สินระยะสั้นด้วยสินทรัพย์สภาพคล่อง ซึ่งสะท้อนระดับความมั่นคงทางการเงิน (Lemke, 1970) นอกจากนี้ ในบริบทของการจัดการความเสี่ยง อัตราส่วนสภาพคล่องยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับข้อจำกัดทางการเงิน และนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งด้านการลงทุนและการจัดหาเงินทุน โดยสถานะสภาพคล่องของบริษัทอาจส่งผลโดยตรงต่อกลยุทธ์การลงทุนและแนวทางการบริหารความเสี่ยง เช่น การป้องกันความเสี่ยงด้วยตราสารอนุพันธ์ (Bolton et al., 2011)

หลักฐานเชิงประจักษ์จากการศึกษาหลายตลาดยังแสดงให้เห็นว่าสภาพคล่องมีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดราคาสินทรัพย์ โดยถูกนำมารวมเข้ากับแบบจำลองการกำหนดราคาเพื่ออธิบายผลตอบแทนหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยในฮ่องกงและออสเตรเลียพบว่าสภาพคล่องมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนและช่วยลดความไม่แน่นอนในการประเมินมูลค่า (Lam & Tam, 2011; Chan & Faff, 2003) ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพคล่องของสินทรัพย์กับสภาพคล่องในตลาดหุ้นมีความชัดเจนเป็นพิเศษในสภาพแวดล้อมที่มีความโปร่งใสของข้อมูลต่ำ ซึ่งย้ำถึงบทบาทของสภาพคล่องในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของตลาดและลดความคลุมเครือในการตีความข้อมูลทางการเงิน (Charoenwong et al., 2014)

ในภาคธนาคาร อัตราส่วนสภาพคล่องยังมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานและการกำกับดูแลกิจการ การจัดการสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพมีความสัมพันธ์กับผลการดำเนินงานที่มั่นคง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตทางการเงินที่ธนาคารที่มีสถานะสภาพคล่องแข็งแกร่งสามารถจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตได้ดีกว่าและรักษาเสถียรภาพในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง กลไกการกำกับดูแลกิจการ เช่น ขนาดของคณะกรรมการและความเป็นคู่ของประธานกรรมการและผู้บริหารสูงสุด ยังมีปฏิสัมพันธ์กับระดับสภาพคล่องเพื่อกำหนดทิศทางและผลการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร (Nexus Between Credit Risk, Liquidity Risk…, 2023)

ด้านการรายงานและการวิเคราะห์ทางการเงิน อัตราส่วนสภาพคล่องถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการประเมินงบการเงิน หน่วยงานกำกับดูแล เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กำหนดให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลสภาพคล่องในรายงานทางการเงิน เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและสนับสนุนการประเมินความน่าเชื่อถือด้านเครดิต (Emery & Cogger, 1982) อย่างไรก็ดี ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับมาตรการที่เหมาะสมที่สุด โดยนักวิจัยบางส่วนเสนอให้ใช้การวัดสภาพคล่องแบบไดนามิกที่รวมกระแสเงินสดเข้ามา เนื่องจากอัตราส่วนจากงบดุลแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถสะท้อนภาพรวมของสถานะสภาพคล่องได้อย่างเต็มที่ (Emery & Cogger, 1982)

แม้อัตราส่วนสภาพคล่องจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยประเมินสุขภาพทางการเงินและชี้นำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรคำนึงถึง ลักษณะเชิงสถิติคงที่ของอัตราส่วนแบบดั้งเดิม เช่น อัตราส่วนปัจจุบัน อาจทำให้การประเมินสภาพคล่องเบี่ยงเบนจากความเป็นจริง โดยเฉพาะในสภาพตลาดที่มีความผันผวนสูง อีกทั้งการตีความผลลัพธ์ยังแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละอุตสาหกรรมและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น การวิเคราะห์สภาพคล่องจึงควรพิจารณาในมุมมองที่หลากหลายและสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของแต่ละกิจการ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด (Lemke, 1970)