การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและกลยุทธ์การตลาดสินค้าเกษตร กรณีทุเรียนจันทบุรี

วันหยุดยาววิสาขะบูชาปี 2565 นี้ ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปทัศนศึกษา ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่จังหวัดจันทบุรีผลผลิตทางการเกษตรของจันทบุรีในช่วงนี้คือ ราชาแห่งผลไม้ ได้แก่ทุเรียนนั่นเอง นอกจากนี้ผลผลิตผลไม้ในช่วงนี้ ได้แก่ มังคุด เงาะ กระท้อน และลองกอง ก็มีดกดื่น การได้รับการเชิญชวนให้ร่วมคณะมาทัศนศึกษาในช่วงเวลานี้นับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งเนื่องด้วยทุเรียนจันทบุรีจะสุกในช่วงนี้ ข้อมูลเรื่องทุเรียนจากเว็บไซด์กูเกิ้ลระบุว่าทุเรียนในประเทศไทยเป็นช่วง กุมภาพันธ์ ถึง ตุลาคม ของทุกปีโดดยมีการผลิตในทุกภาคของประเทศ แต่จะมีช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ทุเรียนนับเป็นผลไม้เศรษฐกิจของไทย และมีการส่งเสริมการผลิตและการตลาดสมัยใหม่ให้ต้องเรียนรู้ให้เท่าทันโลก
การเดินทางในครั้งนี้คณะของผู้เขียนใช้รถส่วนตัวขับไปกันเองถึง 3 คัน โดยออกจากกรุงเทพ ฯ สองคัน คันแรกออกจากพัฒนาการ 28 คันสองออกจากสินสาธร ทาว์เวอร์ มีสมาชิก 5 และ 4 คน ตามลำดับ คันที่ 3 ขับจากสัตหีบมาลำพัง การขับรถมาเองด้วยเจตนาจะขนทุเรียนให้ได้มากสุด จุดนัดพบแรกของเราคือ ร้านอาหารลมโชย สาขาสมแยกแกลง ระยอง ร้านนี้มีบริการข้าวแกงรสเด็ดและก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลียงที่ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งแห่งเมืองระยอง พวกเรามาถึงร้านประมาณ 10.30 น. ก็รีบเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวมาชิมกัน พอครบทั้งคณะได้ไม่นานร้านก็ปิดประตูหน้าร้านเพราะอาหารหมด เวลาเพิ่ง 11.00 น. เห็นได้ว่าร้านทำธุรกิจแบบบ้านๆแห่งภูมิภาคตะวันออกที่เป็นเศรษฐีกันอยู่แล้วทำธุรกิจแบบไม่มีการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเลย พอใจขายก็ขาย ลูกค้าเต็มร้านก็ปิดประตูเฉย ปรัชญาการตลาดที่ว่า ลูกค้าคือพระราชา ใช้ไม่ได้กับที่นี่ นอกจากลูกค้าต้องบริการตนเองแล้วยังต้องทำตามกฎระเบียบของร้านจึงจะได้ลิ้มลองอาหาร สุดยอดจริงๆ เลย….

จากร้านลมโชย ก็ออกมุ่งหน้าเดินทางไปจันทบุรี แวะปากน้ำประแสร์  สะพานประแสสินธ์  หาดคุ้ววิมาน เจดีย์กลางน้าแล้วกลับมาแวะพักร้านกาแฟชื่อ วิมานวิว ร้านกาแฟยุคใหม่ ที่เข้าใจลูกค้า มี POP จัดให้มีสถานที่ถ่ายภาพ สำหรับลูกค้าที่รักการถ่ายภาพ แต่คณะของเราก็เป็น ส.ว.ไม่ชอบถ่ายภาพนัก แต่ลูกค้าร้านนี้ก็หนาแน่นดี
จากร้านวิมานวิว คณะของเรามุ่งหน้าเดินทางเข้าที่พักที่ BLIQ Hotel ที่จองมา เป็นโรงแรมที่คณะของเราประทับใจตั้งแต่ปีก่อนที่มาพัก นอกจากจะอยู่ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันแล้ว โรงแรมเพิ่งเปิดใหม่เมื่อปี 2020  เพื่อนที่เคยพักต่างเป็นปลื้มกับบริการอาหารเช้าของโรงแรมนี้เป็นอย่างยิ่ง ระหว่างทางมีผู้ปรารภว่ามาถึงจันทบุรีแล้วอยากมีประสบการณ์กินทุเรียนกันเลยเพราะสวนที่จะไปพรุ่งนี้อาจไม่มีทุเรียนสุกให้พวกเราชิม ในรถไม่มีใครขัดสักคนเดียวทุกคนเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าควรแวะสักร้านก่อนถึงโรงแรม เพื่อนที่เป็นเจ้าของรถและหลานเจ้าของสวนที่จะไปพรุ่งนี้จึงทำหน้าที่สอดสายตาหาร้านขายทุเรียน โดยพิจารณาจากฮวงจุ้ยของร้านว่าต้องรับพวกเรา 10 คนและรถสามคันไหว ในที่สุดก็ได้พบกับร้านหนึ่งซึ่งฮวงจุ้ยเลิศ มีสวนของตนเอง มีหน้าร้านและป้ายชื่อร้าน มีทุเรียนโชว์จำนวนหนึ่งและมีผลิตภัณฑ์จากทุเรียนครบสายทั้งทุเรียนกวน ทุเรียนทอด และทุเรียนสดแกะใส่กล่องโฟมวางโชว์อยู่ นอกจากนี้หน้าร้านยังมีชุดรับแขก ลังน้ำแข็ง น้ำดื่มถ้วย มีอ่างล้างมือ และห้องน้ำครบครัน เมี่อพวกเราแวะไปถามซื้อทุเรียนที่จะกินเดี๋ยวนั้นทางผู้ขายก็บอกว่าหมด แต่ก็พยายามเคาะหาผลเล็กมาให้พวกเราลองชิมได้ลูกหนึ่ง ให้ชิมฟรีเลย พวกเราก็รุมทึ้งทุเรียนลูกนั้นอย่างเป็นสุข ทางร้านพยายามหาที่สุกให้อีกลูก เราก็ไม่ขัดศรัทธา พร้อมกับสั่งจองสัก 4- 5 ลูก พรุ่งนี้เช้าจะรีบมารับ และขอเข้าไปชมต้นทุเรียนด้วย ดังภาพ
เป็นที่น่าสังเกตว่าทุเรียนในสวนล้วนเป็นทุเรียนต้นหนุ่มสาว อายุสัก 5 – 6 ปีเท่านั้น ดกทุกต้น การปลูกใช้ปุ๋ยเคมีมาก ได้รับคำแนะนำจากนักวิชาการเกษตร ลูกชายเจ้าของสวนที่มาขายทุเรียนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยม และมีความรู้ทางการตลาดดี กลยุทธ์การตลาดถูกนำมาใช้ทุกเม็ด โดยเฉพาะการให้ชิมฟรีและอำนวยความสะดวกตามลูกค้าต้องการ คณะของเราแวะร้านนี้ทั้งสามวัน ร้านค้าได้เงินจากคณะของเราไปเกือบสองหมื่นบาทเป็นค่าทุเรียนและผลิตภัณฑ์จากทุเรียนหลากหลายรูปแบบที่มีอยู่ในร้าน รายได้ที่ได้จากคณะของเรานับเป็นผลมาจากการที่ร้านนี้ใช้กลยุทธ์การผลิตและการตลาดสมัยใหม่โดยแท้
ไฮไลท์ของทริปนี้คือการไปสวนคุณน้าต่ายแห่งอำเภอเขาคิชฌกูฎ  บ้านคุณน้าสวยมากเคยเป็นปกนิตยสารบ้านและสวนเมื่อปี พ.ศ. 2544
คุณน้าพร้อมครอบครัวย้ายกลับจากรัฐแมรีแลนด์ เมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วตัดสินใจซื้อสวนทุเรียนมาทำเอง บ้านคุณน้าจึงเป็นบ้านสวนสไตล์อเมริกันหลังเดียวในย่านนี้ ด้านหน้าจากประตูรั้วถึงตัวบ้านปลูกไม้ประดับสารพัดชนิดที่สีสันสวยงาม ด้านในก็มีต้นทุเรียน เงาะกระท้อน ลองกอง และพืชสวนครัว เช่น มะนาว พริก มะเขือ นานาชนิด คุณน้าเล่าว่าการเกษตรปัจจุบันเหนื่อยมากทำเองไม่ไหวต้องให้เช่าสวนนอกๆ
บ้านทั้งหมด เหลือแต่ที่บ้านที่ต้องจ้างคนงานมาดูแล ผลผลิตที่ได้ก็ต้องจัดส่งขายให้ล้งตามข้อกำหนดของล้ง พวกที่เกรดไม่ผ่านล้งจึงจะขายเองทำให้ทุเรียนที่ขายให้นักท่องเที่ยวที่ไปถึงจันท์ ส่วนใหญ่เจอทุเรียนตกเกรดล้ง ราคาพอๆ กับทุเรียนที่ขายปลายทางให้ผู้บริโภคที่ผ่านระบบการจัดการการตลาด เงื่อนไขการขายทุเรียนให้ล้งต้องเป็นทุเรียนที่มีขนาด 2-3 ต่อผล มีปริมาณแป้งที่กำหนด และต้องมีการป้ายยาเร่งสุดตามกำหนดด้วย ได้รับทราบกลยุทธ์การตลาดทุเรียนแล้วขอบอกว่าทุเรียนที่ผ่านกลไกตลาดมาถึงผู้บริโภคมีคุณภาพดีกว่าไปซื้อด้วยตัวเองแบบไร้ประสบการณ์จะได้ทุเรียนอ่อน ราคาแพง บทเรียนที่ได้ช้ำใจมาก แต่ความสนุกในการเดินทางกับกัลยามิตรทั้งหลายก็ยังคงคุ้มค่าและมีความสุขมากๆ